การใช้งานหรือไม่ สิ่งแรกที่มองว่าควรจะพิจารณา คือขนาดความจุ หากเป็นการซื้อฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ เลือกขนาดที่ใหญ่ ๆ ไว้ก่อนก็ดี (ถ้าคุณมีเงินมากพอ) เพราะว่าในอนาคตความต้องการใช้งานฮาร์ดดิสก์จะต้องการขนาดความจะที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆผมขอสรุปปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ในการเลือกฮาร์ดดิสก์ดังนี้
2. สำหรับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ 3. สำหรับงานที่ต้องใช้ความเร็วของ CPU สูง เช่นการใช้ทำงานเกี่ยวกับ CAD หรือการ Encode ต่าง ๆ 4. สำหรับใช้เป็นเครื่อง Server การที่ใช้ RAM น้อย ๆ จะทำให้ ฮาร์ดดิสก์ ต้องทำงานหนักขึ้นอีกมากซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ฮาร์ดดิสก์เสียได้เร็วกว่าที่ควร หากท่านที่ต้องการเน้นการเล่นเกมส์ หรือการใช้งานหนัก ๆ ก็ควรจะมี RAM ไม่น้อยกว่า 128M. ครับ สำหรับการ Upgrade เครื่อง การเพิ่ม RAM จะเป็นทางเลือกที่ประหยัดที่สุด แต่คุณต้องดูด้วย ว่า RAM ที่คุณมีอยู่เดิมนั้นเป็นแบบไหน EDO-RAM 72 pin หรือ SD-RAM 168 pin รวมทั้งเมนบอร์ดเดิมของคุณนั้น สามารถใส่ RAM แบบไหนได้บ้าง หลักการเพิ่มและเลือกซื้อ RAM ขอแนะนำข้อที่ควรดูเมื่อเลือกซื้อ RAM ดังนี้
|
รุ่นใหม่ ๆ ก็จะเป็นแบบ 3D กันหมดแล้วเพียงแต่อาจจะแตกต่างกันทางด้านความเร็ว จำนวนของ RAM บนการ์ดและคุณภาพ ตามราคาเท่านั้น ในที่นี้ขอแบ่งวิธีการเลือกการ์ดแสดงผล ดังนี้ ชนิดของ Interface การ์ดจอ คือเป็นแบบ PCI หรือเป็นแบบ AGP ต้องเลือกให้ตรงกับเมนบอร์ด ด้วย (สำหรับเมนบอร์ด รุ่นเก่า ๆ จะมีแค่เพียงสล็อตแบบ PCI เท่านั้นหากเป็นเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ก็จะมีสล็อต AGP มาให้ด้วย) การใช้งานคอมพิวเตอร์แบบธรรมดา เช่นการพิมพ์เอกสาร ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ก็เลือกการ์ดแสดงผลที่มี RAM ประมาณซัก8M ก็เพียงพอแล้วเพราะราคาจะค่อนข้างถูกกว่ามาก หากเน้นที่การเล่นเกมส์ ก็ต้องเลือกการ์ดแสดงผลแบบที่เป็น 3Dโดยเฉพาะและ ควรจะมีจำนวนของRAMบนการ์ดค่อนข้างมากหน่อย เช่น 16M. หรือ 32M. หากเลือกการ์ดที่มี RAM มาก ๆ จะทำให้เล่นเกมส์ต่างๆ ได้ดีขึ้นโดยที่ราคาก็จะแพงมากขึ้นตามไปด้วย เลือกชนิดของ Chip Set ของการ์ดจอด้วย เนื่องจากการ์ดจอแต่ละแบบ จะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้ว ที่นิยมเลือกใช้งานกันก็จะมีVoodoo,TNT,Savage,SiSและอื่นๆ ซึ่งอาจจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้จากเวปบอร์ดต่างๆประกอบด้วย ความเร็วของการส่งถ่ายข้อมูล เช่นเป็น AGP 1X, 2X หรือ 4X ความสามารถในการ Over Clock ซึ่งรวมทั้งการ Over Clock CPU และการ Over Clock การ์ดจอด้วย สำหรับผู้ที่คิดจะทำ Over Clock โดยเฉพาะ Option Video in, Video Out ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งถ้าหากมี Optionพวกนี้มาด้วยราคา ก็จะสูงขึ้นอีกนิดสรุปในส่วนของการเลือกซื้อการ์ดแสดงผลนะว่าซื้อตามจุดประสงค์ที่ต้องการใช้งาน และตามงบประมาณที่มีอยู่ แถมท้าย ให้อีกนิดนึงนะ หากใครคิดจะเล่นเกมส์แต่งบน้อย เลือก CPU ที่ราคาถูก ๆ หน่อยเช่น Celeron แต่ไปเพิ่มงบให้กับการ์ดจอมากขึ้น ก็อาจจะได้คุณภาพโดยรวมดีกว่าการเลือก CPU ราคาแพงแต่ใช้การ์ดจอราคาถูก |
ในปัจจุบัน เครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆ ต่างก็มีการพัฒนาขึ้นมาก รวมไปถึงซาวนด์การ์ดที่คนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนารูปลักษณ์ของซาวนด์การ์ด นั้นออกมา ในลักษณะของการ์ดแบบ PCI ถ้าดูเรื่องขนาดแล้วมีขนาดที่เล็กกว่าการ์ดแบบ ISA มาก อีกทั้งในการส่งข้อมูลยังมีความเร็วที่สูงกว่าด้วย ดึงทรัพยากรภายในเครื่องน้อยลง อีกทั้งยังมีคุณภาพเสียงที่โดดเด่น มีการกระจายของเสียงที่ดี ซึ่งมีหลายๆอย่างที่ดีกว่าการ์ดแบบ ISA มาก จึงทำให้ในการผลิตการ์ดแบบ ISA นี้ล้มเลิกลง เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้การ์ดแบบนี้หยุดการผลิตลง เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้ที่ทำการผลิตออกมา และตัดสล็อตแบบ ISA นี้ทิ้งไปโดยสิ้นเชิง และมีการเพิ่มสล็อตแบบ PCI ขึ้นมาแทน ซึ่งไม่ว่าเป็นอุปกรณ์อย่างเช่น Card Lan , โมเด็มแบบ Internal หรือแม้กระทั่งการ์ดอื่นๆ ก็มีการผลิตขึ้นมาให้สนับสนุนการใช้งานร่วมกับสล็อตแบบ PCI ทั้งนั้น จึงทำให้การ์ดแบบ ISA นั้นได้หายไปจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน นอกจากจะมีผลิตซาวนด์การ์ดแบบ PCI ออกมาใช้งานอย่างกว้างขวางในปัจจุบันแล้ว ซึ่งท่านคงจะเป็นหนึ่งในนั้นที่ใช้ซาวนด์การ์ดแบบ PCI นี้ แต่ก็มีอีกจำพวกหนึ่งที่ไม่ใช้ซาวนด์การ์ดแบบ PCI เนื่องจากยังมีราคาที่สูงอยู่ ซึ่งคนพวกนี้จะหันไปใช้ซาวนด์แบบ Onboard แทน โดยซาวนด์แบบนี้ไม่ใช่เป็นซาวนด์แบบการ์ดที่เราเห็นกัน แต่เป็นเพียงชิปตัวหนึ่งซึ่งอยู่บนเมนบอร์ดของเราที่ทำหน้าที่สร้างเสียงออกมา แต่คุณภาพยังไม่สูงมากเท่ากับซาวนด์การ์ดแบบ PCI ชิปซาวนด์แบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินในกระเป๋าไม่มากนัก สามารถที่จะใช้เพื่อเล่นเกม ดูหนัง เล็กๆน้อยๆได้ดีเลยทีเดียว แต่สำหรับคนที่มีเงินในกระปุกเหลือใช้มาก การที่ซื้อซาวนด์การ์ดแบบ PCI มาใช้งาน ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านจะได้สัมผัสพลังเสียงที่สุดยอดของซาวนด์การ์ดแบบนี้ ซึ่งเป็นเสียงที่ทุกคนอยากรับฟังแน่นอน เรามาดูการพัฒนาการของซาวนด์การ์ดแบบ PCI กันบ้าง การผลิตและพัฒนาของซาวนด์การ์ดแบบนี้ จากแต่ก่อนได้มีการผลิตที่สามารถ รองรับการทำงานได้ถึง 2 แชนแนล โดยในขณะนั้นถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก สามารถที่จะสร้างเสียงออกมาได้อย่างไพเราะ สามารถที่จะใช้ร่วมกับ ลำโพงจำนวน 2 ตัวได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างซาวนด์การ์ด Creative SB Vibra 128 ที่โด่งดังมากเมื่อก่อน ซึ่งมีราคาอยู่ประมาณ 1,000 บาท ถือว่ายังเป็นราคาที่แพงอยู่ในขณะนั้น จากนั้นมาก็ได้มีการพัฒนาประสิทธิการใช้ของซาวนด์การ์ดขึ้นเรื่อยๆ จากซาวนด์การ์ดที่เป็นแบบ 2.1 แชนแนล พัฒนาเป็นซาวนด์การ์ดที่สนับสนุนการทำงานแบบ 4.1 แชนแนล, 5.1 แชนแนล และแบบ 6.1 แชนแนล โดยได้พัฒนาควบคู่กับการพัฒนาของลำโพง แบบต่างๆ ที่สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ ซาวนด์การ์ดนี้ จนมาถึงวันที่ทุกคนรอคอย ล่าสุดก็ได้มีการผลิตซาวนด์การ์ดแบบ 7.1 แชนแนลออกมา ถือว่าเป็นสุดยอดซาวนด์การ์ดอยู่ในขณะนี้ นับว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในขณะนี้ก็ได้ โดยเฉพาะบุคคลที่ชอบเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่งนักดนตรีต่างๆ ต่างก็คงรอคอยซาวนด์การ์ดแบบนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งสามารถให้เสียงที่สมบูรณ์แบบมากกว่าแบบต่างๆที่ได้กล่าวมา ั |
|
ในส่วนของCD ROM Driveก็คงจะไม่มีอะไรให้เลือกมากนักครับเลือกยี่ห้อที่ทนๆหน่อยหรืออาจจะเลือกซื้อจากร้าน ที่มีการรับประกันดี ๆ |
สำหรับจอภาพของคอมพิวเตอร์ก็คงเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่ไม่มีให้เลือกมากนักส่วนใหญ่ก็จะเลือกกันที่ขนาดของจอ เช่น 14, 15 |
ในส่วนของPrinterก็คงต้องเลือกกันตามความจำเป็นใช้งานซึ่งอาจจะแบ่งPrinterออกได้เป็น3แบบใหญ่ๆดังนี้แบบใช้ผ้าหมึก จะเป็นPrinterแบบเก่าๆภาพที่ได้จะไม่ค่อยสวยจะเหมาะกับการใช้งานพิมพ์เอกสารบนกระดาษต่อเนื่องต่างๆโดยที่ราคาต้นทุน การพิมพ์ต่อแผ่นจะถูกมากแบบLaserจะเน้นที่การพิมพ์ขาวดำ โดยจะได้งานที่สวยงามขึ้นมาแต่ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นก็จะ |
|
1. Keyboardเลือกโดยทดลองกดปุ่มต่างๆดูว่าเหมาะมือของเราหรือไม่ปุ่มสำหรับKeyพิเศษต่างๆ
2. Mouse เลือกโดยทดลองใช้งานให้เหมาะมือ ปุ่มก็ไม่ควรจะแข็งมากจนเกินไปนัก 3. JoyStickเลือกตามราคาหรือทดลองใช้งานจริงดูจำนวนปุ่มและFunctionต่างๆว่ามากน้อยเพียงใด |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น